SA คืนฟอร์ม Q3/65 โชว์กำไรทะยาน 87%รับรู้ยอดโอนคอนโดคึกคัก–รายได้ธุรกิจบริการพุ่งแรงแย้มแนวโน้มไตรมาส 4/65 สัญญาณดี สดใสต่อเนื่อง
บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) โชว์รายได้รวมไตรมาส 3/65 แตะ 928.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.5% และมีกำไรสุทธิ 77.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% ผลจากการรับรู้รายได้จากยอดโอนคอนโดมิเนียมล็อตใหญ่ และรายได้งานบริการเพิ่มขึ้น ฟากซีอีโอ “ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ” แย้มแนวโน้มไตรมาส 4/65 ดีต่อเนื่องรับอานิสงส์นักท่องเที่ยว และนักลงทุนต่างชาติกลับมาคึกคัก ส่งผลให้ยอดโอนไหลเข้าต่อเนื่อง ระบุตุนยอดขายรอโอนไว้แล้วกว่า 6,800 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ยาว หนุนอนาคตโตก้าวกระโดด
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต’ เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565) บริษัทฯ มีรายได้รวม 928.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 367.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 65.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 561.1 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวประกอบด้วย รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์เท่ากับ 835.1 ล้านบาท รายได้จากการบริการ 70.7 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 77.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.9 ล้านบาท หรือ87% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 41.2 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่เท่ากับ 78.7 ล้านบาท
สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2565 มีรายได้รวม 1,853.0 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 100.8 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกำไรจากผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่เท่ากับ 111.7 ล้านบาท
"ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานมีการเติบโตเนื่องจากการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จาก 5 โครงการหลัก ได้แก่ Wyndham Garden Residence (ชื่อเดิม Siamese Exclusive 42), Blossom Condo at Sathorn-Charoenrat, Ramada Plaza by Wyndham Bangkok Sukhumvit 48 (ชื่อเดิมSiamese Sukhumvit 48), Siamese Exclusive 31 (ชื่อเดิม Siamese Exclusive) และ Siamese Kin Ramintra เป็นหลัก ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้ธุรกิจจากการให้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการทยอยเปิดให้บริการธุรกิจโรงแรมในเครือของบริษัทฯ อีกด้วย”
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2565 บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2565 เนื่องจากได้รับอานิสงส์ จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกทั้งในอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย โรงแรมและอาหารของบริษัทฯ ซึ่งส่งผลให้ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ เริ่มกลับมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อีกทั้งมีลูกค้าซื้อ Big Lot โครงการแนวสูงจำนวนหนึ่ง โดยได้ทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ไปถึงไตรมาส 4/2565
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่กำลังดำเนินงานอยู่เพื่อขายมูลค่าประมาณ 24,000 ล้านบาท และมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเพื่อขายมูลค่าประมาณ 17,000 ล้านบาท ซึ่งมี Inventory มูลค่าประมาณ4,700 ล้านบาท และมี Backlog จากการขายรอโอน มูลค่ากว่า 6,800 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 90% และโครงการแนวราบ 10% ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2568
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังคงกลยุทธ์ปรับสัดส่วนการพัฒนาโครงการแนวราบ ให้มีมูลค่าเป็นสัดส่วน 50% ของรายได้รวมภายในระยะเวลา 3 ปี (ไตรมาส1/2565-ไตรมาส4/2567) พร้อมคาดการณ์ว่าภายในปี 2566 บริษัทฯ จะมีรายได้จากแนวราบประมาณปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดด